ค้นหาสาเหตุอาการผื่นเเพ้ได้อย่างแม่นยำ
หมดคำถามว่าผื่นเกิดจากการแพ้อะไรด้วยการทดสอบ Patch Test เพื่อหาสาเหตุของการแพ้ มีคนสอบถามเข้ามาเยอะเลยว่า การทดสอบนี้ยุ่งยากรึเปล่า และมีขั้นตอนในการทำอย่างไรบ้าง วันนี้จะมาอธิบายให้ฟังกันค่ะ
ปัญหาผื่นผิวหนังอักเสบ ที่เกิดจากการสัมผัสสารกระตุ้นจากภายนอกร่างกาย แล้วเกิดปฏิกริยาต่อภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เกิดผื่นแพ้สัมผัส โดยมักมีอาการผื่นแดง คัน บริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับสารเหล่านั้น หากเป็นรุนแรงอาจมีน้ำเหลืองในบริเวณผื่นด้วย และมักเป็นๆหายๆ หลังจากรักษาแล้วสักระยะเวลาหนึ่งก็จะกลับมาเป็นซ้ำลักษณะเหมือนเดิมเนื่องจากสัมผัสสารนั้นซ้ำๆ ผิวหนังบริเวณเดิม ซึ่งพบบ่อยบริเวณหน้า มือ เปลือกตา ริมฝีปาก
ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบ แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายของคนไข้อย่างละเอียด ในกรณีที่ สงสัยว่าจะมีการแพ้ชนิดที่เป็น ผื่นสัมผัส เช่นแพ้ครีม เครื่องสำอาง สบู่ล้างหน้า หรือแพ้เครื่องประดับ เป็นต้น สารเคมีต่างๆ เหล่านี้สามารถกระตุ้นทำให้เกิดผื่นแพ้สัมผัสได้
วิธีการทดสอบครีมหรือผลิตภัณฑ์ด้วย “Patch Test”
“Patch Test” เป็นวิธีการทดสอบการแพ้สัมผัสได้แม่นยำ ซึ่งจะทำการทดสอบโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังโดยตรง จากนั้นในกระบวนการทำ Patch Test แพทย์จะนำสารที่พบได้บ่อยหรือครีมที่สงสัยที่ว่าทำให้เกิดการแพ้ และประเมินว่าเป็นสาเหตุของอาการแพ้มาทำการทดสอบ โดยนำสารดังกล่าว (standard patch test) และครีมที่สงสัยใส่หลุม(chamber) แล้วนำมาติดที่หลังด้านบนและ ปิดพลาสเตอร์ทับ การอ่านผลครั้งแรก แพทย์จะนัดมาอ่านหลังจากทำการทดสอบสารเป็นเวลา 48 ชั่วโมง และอ่านผลครั้งที่ 2 คือหลังจากนั้นประมาณ 2 วัน ถัดมา เพื่อสรุปผลว่าสารเคมีตัวใดบ้างที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ที่ผิวหนังของคนไข้ค่ะและเราสามารถตรวจดูได้จากฉลากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต่างๆได้ว่า มีส่วนประกอบที่คนไข้แพ้ในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจะใช้หรือไม่
การเตรียมตัวก่อนการทำทดสอบ Patch Test
- ให้งดการทานยากลุ่มสเตียรอยด์ (prednisolone)หรือยาแก้แพ้ (antihistamine) อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทดสอบ (กรณีคนไข้มีการรับประทานยาชนิดนี้อยู่) เพราะสเตียรอยด์มีผลกดภูมิคุ้มกัน ทำให้ผลการทดสอบคลาดเคลื่อน
- ผู้รับการทดสอบไม่ได้อยู่ในช่วงผื่นเห่อรุนแรง
- งดทำการทดสอบ Patch Testในสตรีมีครรภ์
- ควรนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ หรือสงสัยว่าอาจเป็นสาเหตุของอาการแพ้ เช่น ครีม ยาทา หรือเครื่องสำอางมาด้วย พร้อมบรรจุภัณฑ์และฉลาก
การเตรียมตัวระหว่างการทำทดสอบ Patch Test
- ปิดแผ่นพลาสเตอร์ที่มีสารที่จะทำการทดสอบทิ้งไว้บริเวณแผ่นหลังเป็นเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นแพทย์จะนัดพบเพื่ออ่านผลครั้งแรก และจะนัดพบครั้งที่สองเมื่อครบ 96 ชั่วโมง
- ระหว่างระยะเวลาที่ทำการทดสอบ ควรระวังไม่ให้ผิวหนังเปียกน้ำหรือได้รับความชื้น
- ขณะทำการทดสอบ ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น การเล่นกีฬา
- ขณะทำการทดสอบ อาจมีอาการคันหรือระคายเคืองบ้างเล็กน้อยบริเวณที่ทำการทดสอบ ซึ่งเกิดจากสารเคมีที่เป็นสาเหตุทำปฏิกิริยาให้เกิดผื่นแพ้เล็กๆ บริเวณที่ทำการทดสอบ
Patch Test จะสามารถทดสอบได้ทั้งหมด 36 สารค่ะ ซึ่งประกอบไปด้วย
- Nickel
- Wool Alcohol
- Neomycin
- Potassium dichromate
- Caine mix
- Mx-07 Fragrance mix
- Colophonium
- Paraben mix
- Negative Control
- Balsum of Peru
- Ethy lene diamine Dihydrochloride
- Cobalt Dichloride
- 4-tert-Butylphenolformaldehyde resin
- Epoxy resin
- Carbamix
- Black rubber mix
- Methylisothiazolinone + Methylchloroisothiazolinone
- Quaternium – 15
- Methyldibromo Glutaronitrile Methyldibromo glutaronitrile
- PPD
- Formaldehyde
- Mx-05A Mercapto mix 2.0 pet
- Thimerosol
- Thiuram mix
- Diazolidiny Urea
- Quinoline
- Tixocortol-21-Pivalate
- Gold Sodium Thiosulfate
- Imidazolidiny Urea
- Budesonide
- Hydrocortisone-17-Butyrate
- Mercaptobenzothiazole
- Bacitracin
- Parthenolide
- Disperse Blue
- Bronopol
หลังทำการทดสอบ Patch Test เสร็จแล้ว
แพทย์จะแจ้งผลให้ทราบว่าแพ้สารเคมีชนิดใดบ้าง พบในผลิตภัณฑ์ชนิดใดและแนะนำวิธีการปฏิบัติตัว การหลีกเลี่ยง และการป้องกันการสัมผัสสารเคมีเหล่านั้น เพื่อป้องกันการเกิดผื่นแพ้สัมผัสขึ้นมาอีก
บทความโดย
พญ.สุณี เจริญหิรัญยิ่งยศ
พญ.ศศิธร ธัญรัตนศรีสกุล
ตารางเวรเเพทย์ สามารถค้นหา (Search) ชื่อเเพทย์หรือสาขา