รอยดำ VS รอยแดง รอยไหนรักษายากกว่ากัน!
เคยสงสัยไหมว่า “รอยสิว” ที่มีทั้งรอยดำและรอยแดง รอยไหนจะหายยากกว่ากัน วันนี้พรเกษมคลินิกจะพาไปรู้จักรอยสิวทั้งสองอย่างนี้พร้อมวิธีการรักษาเพื่อไม่ให้รอยเหล่านี้มาทำให้คุณขาดความมั่นใจ
สาเหตุ “รอยแดง” และ “รอยดำ”
รอยแดงที่เกิดจากสิวอักเสบนั้น เป็นผลจากการอักเสบที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังร่วมกับการขยายตัวของเส้นเลือดฝอย แต่หากมีการอักเสบเป็นระยะเวลานานอาจมีการกระตุ้นเม็ดสีให้ผลิตเมลานิน (Melanin) ทำให้เกิดเป็นรอยดำตามมานั่นเองค่ะ
รอยสิวนั้นจะเป็นนานมากขึ้นกว่าปกติ หากมีการแกะ เกา เราจึงควรรักษารอยสิวตั้งแต่ยังเป็นรอยแดง เพราะการปล่อยทิ้งไว้เสี่ยงต่อการเกิดรอยดำ และแผลเป็นมากขึ้น อาจต้องใช้เวลารักษานานขึ้น
วิธีการรักษา
- รอยแดงและรอยดำดังกล่าวสามารถใช้ยาทาที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ การสร้างเม็ดสีหรือยาที่มีส่วนช่วยในการผลัดตัวของเซลล์ผิวได้ แต่อาจจะใช้เวลานานกว่ารอยจะจางลง
- การใช้เลเซอร์ลดรอยสิวอย่าง E-lase Program จึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการรักษารอยสิวทั้งรอยแดงและรอยดำ หลังการรักษา 1 สัปดาห์จะเริ่มเห็นว่ารอยจางลงประมาณ 20% (ขึ้นอยู่กับแต่ละสภาพผิวของแต่ละบุคคล) สามารถรักษาได้กับทุกสภาพผิว และนอกจากการรักษารอยแล้วยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด
เนื่องจากรอยดำนั้นรักษายากกว่าและใช้เวลาในการรักษานานกว่ารอยแดง ดังนั้นจึงควรรีบรักษารอยสิว ตั้งแต่ยังเป็นไม่มาก นอกจากนี้หมั่นทำความสะอาดผิวหน้าให้ถูกวิธี พักผ่อนให้เพียงพอ และที่สำคัญหลีกเลี่ยงแสงแดดเพราะอาจทำให้รอยสิวเข้มขึ้น หายได้ช้าลง ซึ่งการทาครีมกันแดดก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันนะคะ